บรรยายเมื่อ 31-12-2565
สิ่งที่ผมสอน ไม่ใช่วิธีปฏิบัติธรรม ถ้าเราจะหาวิธีปฏิบัติธรรมจากผมนั้น…ไม่มี
สิ่งที่ผมสอน คือชีวิต #ผมสอนให้เราเข้าใจตัวเอง เข้าใจโครงสร้าง ความผลักดัน การหลบหนี การปกป้องตัวเอง เห็นสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ที่มีอยู่ในชีวิตของเรา
เห็นมัน ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงมัน
เห็นมัน ไม่ใช่ตัดสินมัน
เห็นโครงสร้างความเชื่อทั้งหมดที่ครอบงำชีวิตนี้
เราเกิดมาในโลกนี้ สังคม การเมือง ศาสนา ความดี ความชั่ว ความถูก ความผิด
เห็นทั้งหมดนี้ ว่ามันครอบงำชีวิตนี้ยังไงบ้าง
เห็นทั้งหมดนี้ ว่ามันบงการและให้ทิศทางชีวิตนี้ยังไงบ้าง
เห็นอย่างละเอียด
เห็นไหมว่าการปฏิบัติธรรมนั้น ผมไม่ได้บอกให้พวกเราไปทำอะไร ไปฝึกอะไร ผมบอกให้พวกเราเห็นกลับมาที่ตัวเอง ตรวจสอบตัวเอง ตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน ว่าสิ่งที่เรียกว่าตัวเราเอง มันมีรายละเอียดอะไรบ้าง
ในทุกวันที่เราตื่นขึ้นมา ความอยาก ความต้องการ กิเลส ตัณหา ความเชื่อ ความคิดที่เรายึดถือ สิ่งเหล่านี้กำหนดทิศทางชีวิตยังไงบ้าง แล้วมันจริงมั้ย?
…
ผมสอนเราทุกคนตลอดว่า ชีวิตที่เป็นการปฏิบัติธรรมนั้น เกิดขึ้นจากที่คนคนนึง #มีความสามารถที่จะมีชีวิตที่แท้จริงได้ และชีวิตที่แท้จริงนั้นจะเกิดขึ้นได้...
...เมื่อชีวิตเป็นความชัดเจน
...เมื่อชีวิตนั้นไม่ถูกปกคลุมไปด้วยความเชื่อและความกลัว
มีเพียงชีวิตแบบนี้เท่านั้น ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่เราอยากทำที่สุด คือการปฏิบัติธรรม
เพราะฉะนั้น จริง ๆ คำว่าปฏิบัติธรรมนั้น ไม่มีความสำคัญเลย สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ เราสามารถจะมีชีวิตที่แท้จริงได้มั้ย? และการที่คนคนนึงจะมีความสามารถที่จะมีชีวิตที่แท้จริงได้นั้น เป็นสิ่งที่ยากที่สุด ยากกว่าการปฏิบัติธรรม
เพราะเราทุกคนเติบโตขึ้นมาภายใต้ความเชื่อ ความครอบงำของไอเดีย ในเชิงถูก ผิด ดี ชั่ว ที่สังคมและศาสนามอบไว้ให้กับเรา
การที่เราจะออกมาจากความครอบงำของทั้งหมดนั้น เป็นจุดเริ่มต้น และเป็นจุดเริ่มต้นที่ยากที่สุด
เราไม่สามารถจะรู้จักโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ ภายใต้กะลามืด ๆ ที่ครอบเราเอาไว้
เพราะฉะนั้น จุดเริ่มต้น คือ #ออกจากกะลาทุกใบที่ครอบเราอยู่
...
พระพุทธเจ้าท่านจึงสอนว่า มันเป็นเพียงแค่การพลิกของคว่ำให้หงายขึ้น หรือเป็นการเปิดกะลานั่นแหละ
ก่อนที่เราจะปฏิบัติธรรม เราต้องเข้าใจสิ่งเหล่านี้ นี่คือเรื่องที่จะเกิดขึ้นก่อนการปฏิบัติธรรม และสิ่งที่อยู่ก่อนหน้าการปฏิบัติธรรมนั้น คือสิ่งที่ยากที่สุด และสำคัญที่สุด
และการที่มันจะเกิดขึ้นได้...ชีวิตที่แท้จริงแบบที่ผมบอกนี้จะเกิดขึ้นได้...กะลาใบนี้จะเปิดออกได้ ไม่ได้ใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียว วันเดียว #แต่ใช้ทั้งชีวิต
เราต้องสงสัยทุกอย่างที่ครอบงำชีวิตนี้อยู่
ลงลึกเข้าไปในสิ่งที่มีคนบอกให้เราเชื่อ
เรามีความครอบงำหลายอย่าง เช่น ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ก่อให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง? ก่อให้เกิดชีวิตที่ผมบอกว่า “งั้นเชื่อไปก่อนแล้วกัน” ก่อให้เกิดอะไรอีก? เชื่อไปก่อนเพราะอะไร? เพราะกลัว ก่อให้เกิดอะไรอีก? ก่อให้เกิดนิสัยที่ต้องการสร้างความปลอดภัยให้กับตัวเอง
แค่คำสอนหรือคำบอกเล่าอันเดียว และเรามักง่ายที่จะ “เออ ทำตามนั้นนั่นแหละ อย่าไปลบหลู่เลย” และเราคิดสั้น ๆ ตื้น ๆ ของเราแค่ว่า เราเป็นคนดี คือเราจะไม่ลบหลู่ เราคิดแค่นั้นจริง ๆ เพราะถ้าลบหลู่ นี่แปลว่าเป็นคนไม่ดี ปากไม่ดี
แต่ถ้าเป็นนักปฏิบัติธรรมแบบที่ผมบอกนี้ เราจะต้องเห็นโครงสร้างของชีวิต ว่าคำ ๆ นี้ส่งผลอะไรบ้างแบบที่ผมบอกทั้งหมดเมื่อกี้นี้ แล้วถ้าเราตกอยู่ภายใต้อันนั้น ชีวิตเราก็เป็นความไม่ชัดเจน เป็นชีวิตที่ไม่จริง และถ้าเป็นแบบนั้น ชีวิตไม่ใช่เป็นการปฏิบัติธรรม
นี่เป็นอีกตัวอย่างนึงที่กำลังบอกว่า ชีวิตเราหลงอีกแล้ว
...
การปฏิบัติธรรมนั้น แท้จริงไม่ต้องมีคนสอน เราแค่ต้องการคนทุบกะลาบนหัวเราแค่นั้น และเมื่อกะลาแตกออก ชีวิตที่เป็นการปฏิบัติธรรมนั้น จะเกิดขึ้นเอง อย่างสมบูรณ์ที่สุด
เพราะฉะนั้น สิ่งที่ผมสอน ไม่ใช่การเพิ่มความเชื่อ เพิ่มความงมงาย เพิ่มความศรัทธาให้กับพวกเรา
สิ่งที่ผมสอน คือการเอาทั้งหมดนั้น #ทิ้งออกไป
#Camouflage
31-12-2565
Create your
podcast in
minutes
It is Free