23 ส.ค. 68 - เห็นนอกเห็นใน ใจปกติ : ถ้าเรากลับไปที่บ้าน เวลาทำอะไร ขณะที่ใช้ตา ใช้หู ขณะที่กำลังเคี้ยว ขณะที่กำลังขับรถ ขณะที่กำลังเดิน อย่าเห็นแต่ข้างนอก ให้เห็นข้างใน เห็นใจ เห็นอารมณ์ เห็นความคิดที่เกิดขึ้น ซึ่งอันนี้เป็นงานของสติ เพราะสติเปรียบเหมือนตาใน แล้วก็อย่าไปเผลอ ขณะที่เราดูกายหนึ่งดูใจ ก็อย่าไปจ้อง ไปเพ่ง หรือบังคับจิต เพื่อจะไม่ให้มันไปไหน เพราะถ้าทำเช่นนั้น เราก็จะเห็นแต่ข้างใน แต่ไม่เห็นภายนอก
บางคนทำผิด ๆ ถูก ๆ แต่งตัวลืมรูดซิป เพราะว่าขณะที่ใส่เสื้อ ใส่กางเกง ก็เอาแต่เพ่งดูข้างใน...
23 ส.ค. 68 - เห็นนอกเห็นใน ใจปกติ : ถ้าเรากลับไปที่บ้าน เวลาทำอะไร ขณะที่ใช้ตา ใช้หู ขณะที่กำลังเคี้ยว ขณะที่กำลังขับรถ ขณะที่กำลังเดิน อย่าเห็นแต่ข้างนอก ให้เห็นข้างใน เห็นใจ เห็นอารมณ์ เห็นความคิดที่เกิดขึ้น ซึ่งอันนี้เป็นงานของสติ เพราะสติเปรียบเหมือนตาใน แล้วก็อย่าไปเผลอ ขณะที่เราดูกายหนึ่งดูใจ ก็อย่าไปจ้อง ไปเพ่ง หรือบังคับจิต เพื่อจะไม่ให้มันไปไหน เพราะถ้าทำเช่นนั้น เราก็จะเห็นแต่ข้างใน แต่ไม่เห็นภายนอก
บางคนทำผิด ๆ ถูก ๆ แต่งตัวลืมรูดซิป เพราะว่าขณะที่ใส่เสื้อ ใส่กางเกง ก็เอาแต่เพ่งดูข้างในใจว่าจิตมันกระเพื่อม จิตมันคิดอะไรไหม จนกระทั่งลืมไปว่าไม่ได้รูดซิป อันนี้เรียกว่าเป็นเพราะการเพ่ง เพ่งเข้าใน จนกระทั่งไม่รับรู้สิ่งที่กำลังเกี่ยวข้อง สิ่งนอกตัวที่กำลังเกี่ยวข้องอยู่ ก็เลยทำผิด ๆ ถูก ๆ
ถ้าเรา รู้นอกหนึ่งรู้ใน ทำเป็นประจำสม่ำเสมอ สติเราก็จะโตไว เวลามีความคิดที่ไม่ได้รับเชิญเกิดขึ้น ความลักคิดเกิดขึ้น โผล่มาตอนกลางคืนขณะที่กำลังเคลิ้มหลับ เห็นมันก็ไม่ไหลไปตามมัน มันมาแล้วก็ไป ไม่ได้ทำให้เราพัวพันกับมันจนตื่น จนนอนไม่หลับ พอมันมาแล้วก็ไป เราก็หลับได้ในที่สุด ไม่ใช่ว่าไม่มีความคิดเลย มันมี เหมือนกับมีแขกแปลกหน้ามาเรียกแต่ทำอะไรเราไม่ได้ เพราะว่าเรามีสติเป็นเครื่องรักษาใจ
View more