10 ก.ย. 63 - นิ่งสงบสยบอารมณ์ : มีครูคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า วันหนึ่งไปเรียกวัยรุ่นคนหนึ่งมาพบปะช่วงพักเที่ยง เด็กคนนี้ขาดเรียนเป็นประจำ ครูก็อยากจะรู้เหตุผล ก็เลยเรียกเด็กมา พอมาถึงครูก็ถามว่าทำไมถึงขาดเรียนอยู่บ่อยๆ ปรากฏว่าเด็กคนนั้นเกิดระเบิดขึ้นมาเลย อาละวาดใส่ครูตะโกนเสียงดัง ขว้างหนังสือกระแทกข้างฝา ผลักเก้าอี้โต๊ะล้มลงพูดจาข่มขู่ครู เข้าใจว่าครูจะมาต่อว่าแก ทีแรกครูเจอแบบนี้ก็ตกใจแต่แทนที่ครูจะตวาดหรือต่อว่ากลับหรือว่าไปเรียกใครมาลากนักเรียนคนนี้ออกไป ครูกลับนิ่งสงบ ต...
10 ก.ย. 63 - นิ่งสงบสยบอารมณ์ : มีครูคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า วันหนึ่งไปเรียกวัยรุ่นคนหนึ่งมาพบปะช่วงพักเที่ยง เด็กคนนี้ขาดเรียนเป็นประจำ ครูก็อยากจะรู้เหตุผล ก็เลยเรียกเด็กมา พอมาถึงครูก็ถามว่าทำไมถึงขาดเรียนอยู่บ่อยๆ ปรากฏว่าเด็กคนนั้นเกิดระเบิดขึ้นมาเลย อาละวาดใส่ครูตะโกนเสียงดัง ขว้างหนังสือกระแทกข้างฝา ผลักเก้าอี้โต๊ะล้มลงพูดจาข่มขู่ครู เข้าใจว่าครูจะมาต่อว่าแก ทีแรกครูเจอแบบนี้ก็ตกใจแต่แทนที่ครูจะตวาดหรือต่อว่ากลับหรือว่าไปเรียกใครมาลากนักเรียนคนนี้ออกไป ครูกลับนิ่งสงบ ตั้งสติได้ ก็นิ่ง แต่นักเรียนคนนั้นก็ยังอาละวาดไม่หยุด ครูก็บอกว่าให้ครูคุยกับครูดีๆ ถ้าอารมณ์ดีค่อยมาคุยกับครู แต่เด็กก็ยังไม่ยอมหยุดตะโกน แต่หลังจากตะโกนพักใหญ่ ครูก็ไม่ตอบโต้อะไร เด็กก็หยุดตะโกนแล้ว เด็กก็ยังเดินงุ่นง่านกลับไปกลับมา ครูก็รอจนกว่าเด็กจะสงบ พอเด็กสงบเด็กก็เดินเข้ามาหาครู แล้วก็มาระบายถึงชีวิตที่มันลำเค็ญ รู้สึกว่าชีวิตของตัวเองถูกกระทำถูกย่ำยีไม่ได้รับความเป็นธรรม ระบายด้วยความโกรธแค้น และก็น้อยเนื้อต่ำใจสิ้นหวัง ครูก็นั่งฟังเฉยๆ เด็กก็พรั่งพรูออกมา เหมือนกับว่าไม่เคยพูดอย่างนี้ให้ใครฟังมาก่อน อาจจะเป็นเพราะไม่มีคนเคยฟังเด็ก ทีแรกก็โทษคนนั้นคนนี้โทษพ่อโทษแม่โทษทั้งโลก ตอนหลังก็เริ่มที่จะมองเห็นตัวเอง พูดถึงความผิดพลาดของตัวเอง ความไม่เอาใจใส่ ความไม่รับผิดชอบของตัวเอง เด็กคนนั้นก็เริ่มสงบลง แล้วก็เริ่มคุยกับครูดีๆ ภาพมันเปลี่ยนไปเลย จากเด็กที่ตะโกนเอะอะโวยวายเอาแต่ใช้ความรุนแรงข่มขู่ครู ผลักโต๊ะเก้าอี้ล้มลงเหวี่ยงหนังสือกระแทกข้างฝา เสร็จแล้วกลายเป็นเด็กที่กลับมาพูดกับครูดีๆ แล้วก็ยอมรับความผิดพลาดของตนเอง
ลองนึกภาพว่าถ้าเกิดครูตะโกนต่อว่าเด็กนักเรียนที่พูดจาข่มขู่ ครูด่ากลับ อะไรจะเกิดขึ้น ก็คงจะมีการปะทะคารม เด็กที่โกรธอยู่แล้วก็ต้องเกิดอารมณ์มากขึ้น ธรรมชาติก็จะเป็นอย่างนี้ มีใครมาโวยวายใส่เราเราก็มักจะโต้กลับ การโต้กลับก็จะทำให้เกิดการปะทะวิวาทกันมากขึ้น แม้บางครั้งเราอาจจะไม่ด่ากลับทีแรก แต่ว่าอาจจะพูดจาเสียงดัง เตือนสติให้เขาพูดดีๆ แต่พอเขาไม่ยอม โวยวายกลับ ถ้าเราคุมอารมณ์ไม่อยู่ เราโมโห มันก็เกิดการทะเลาะกันขึ้น
แต่ว่าครูคนนี้ใช้วิธีนิ่งสงบ ปรากฏว่ามันสามารถสยบความโกรธ ความคุ้มคลั่งของเด็กได้ คนเราบางทีชอบคิดว่าเขาแรงมาเราก็แรงไป แต่ครูคนนี้อาศัยความสงบ อาศัยความนิ่ง พอนิ่งแล้วสงบ ก็สยบความก้าวร้าวรุนแรงของเด็กได้ จากเด็กที่โทษโลกทั้งโลก ก็กลับมาเริ่มเห็นตัวเองว่าก็มีส่วนในความผิดพลาดที่ทำให้ชีวิตมันแย่ลงด้วย ความนิ่งแบบนี้ได้ต้องอาศัยสติ และความนิ่งแบบนี้ก็มีพลังด้วย เวลามีคนโกรธมาถ้าเราลองนิ่ง สงบ ไม่ตอบโต้ ไม่ด่ากลับ มันก็สามารถที่จะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเริ่มสงบลงได้ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่า ความสงบของเราเป็นเหมือนกระจกที่ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งได้เห็นตัวเองว่า กำลังโกรธอยู่
คนเราเวลาโกรธ เราไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่ถ้าเห็นหน้าตัวเองในกระจก ก็อาจจะชะงักเลย แต่ถ้าการเตือนสติว่าเธอโกรธนะ การเตือนแบบนี้มีนัยยะที่ตำหนิต่อว่าเขา เขาอาจจะปกป้องตนเองด้วยการโวยวายกลับก็ได้ แต่ถ้าใช้ความสงบใช้ความนิ่งมันก็สามารถที่จะสะกดหรือสยบอีกฝ่ายหนึ่ง ให้คลายความกราดเกรี้ยวหรือคลายพิษสงลงได้ มานึกดูไม่ใช่แค่ความกราดเกรี้ยวที่อยู่ข้างหน้าเรา ความกราดเกรี้ยวที่เป็นอารมณ์ภายในใจเรา มันก็สามารถจะถูกสยบได้เหมือนกัน ถ้าเราใช้ความนิ่งของจิต
เวลามีอารมณ์โกรธอารมณ์เกลียดหรือว่าคุ้มคลั่งขึ้นมาในใจของเรา เพียงแค่เรามีสติ แล้วก็นิ่งดูมันเฉยๆ เท่านี้มันก็สามารถที่จะทำให้อารมณ์มันคลายความร้อนแรงหรือคลายพิษสงมันได้
View more