9 ก.ย. 64 - ทุกข์เพราะทำผิดเมื่อมีผัสสะ : ความโกรธเกิดขึ้นมันก็มีผู้โกรธตามมา ความหงุดหงิดเกิดขึ้นก็มีผู้หงุดหงิดตามมา มีความปวดเกิดขึ้นก็มีผู้ปวดตามมา เพราะฉะนั้น ถ้าเราพิจารณาดูดีๆความทุกข์ที่ใจ มันก็ล้วนเกิดจากการที่ใจปฏิบัติไม่ถูกเมื่อเกิดผัสสะขึ้นมา จะทำอย่างไรไม่ให้ใจเป็นทุกข์ ก็คือ เมื่อมีการกระทบขึ้นมาหรือเกิดผัสสะ เสียงกระทบหู รูปกระทบตา ก็สักแต่ว่ารู้ ไม่ปรุงแต่ง รู้แล้วก็วาง อันนี้ก็เคยพูดไปแล้ว สักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่าได้ยิน
การรับรู้เกิดขึ้น แต่รู้แล้วก็วาง เพร...
9 ก.ย. 64 - ทุกข์เพราะทำผิดเมื่อมีผัสสะ : ความโกรธเกิดขึ้นมันก็มีผู้โกรธตามมา ความหงุดหงิดเกิดขึ้นก็มีผู้หงุดหงิดตามมา มีความปวดเกิดขึ้นก็มีผู้ปวดตามมา เพราะฉะนั้น ถ้าเราพิจารณาดูดีๆความทุกข์ที่ใจ มันก็ล้วนเกิดจากการที่ใจปฏิบัติไม่ถูกเมื่อเกิดผัสสะขึ้นมา จะทำอย่างไรไม่ให้ใจเป็นทุกข์ ก็คือ เมื่อมีการกระทบขึ้นมาหรือเกิดผัสสะ เสียงกระทบหู รูปกระทบตา ก็สักแต่ว่ารู้ ไม่ปรุงแต่ง รู้แล้วก็วาง อันนี้ก็เคยพูดไปแล้ว สักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่าได้ยิน
การรับรู้เกิดขึ้น แต่รู้แล้วก็วาง เพราะว่าอะไร เพราะว่ามีสติ ถ้าหากว่าผัสสะเกิดขึ้นแล้วมีสติเข้าไปกำกับหรือมีสติเมื่อเกิดผัสสะ การที่ปรุงแต่งต่างๆนานาก็จะเกิดขึ้นได้ยาก สักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่าได้ยินก็จะเกิดขึ้นเป็นอัตโนมัติ ได้ยินเสียง มีสติแล้วก็วาง อย่างเช่น เวลาเราเดินจงกรม เวลาสร้างจังหวะ มีเสียงต่างๆเข้ามากระทบหู เราจะพบว่า มันก็วางได้ง่าย
หรืออย่างตอนนี้กำลังฟังคำบรรยาย มีเสียงจั๊กจั่นเรไร เสียงแมลงกระทบหู ก็สักแต่ว่าได้ยิน ถ้าเรามีสติ มันได้ยินแล้วก็วาง ไม่ปรุงเกิดความยินดียินร้ายขึ้นมา ไม่เกิดการผลักไสขึ้นมา แต่บางครั้งมันก็อดปรุงแต่งไม่ได้ เกิดอารมณ์ตามมา เกิดความยินร้ายขึ้นมา เกิดความไม่พอใจ เกิดความหงุดหงิดขึ้นมา
เราก็ยังมีอีกอย่างหนึ่งที่เราทำได้คือ รู้ทัน รู้ทันอารมณ์ที่เกิดขึ้น เห็นความไม่พอใจที่เกิดขึ้น เห็นความหงุดหงิดที่เกิดขึ้น ยิ่งถ้ารู้แบบซื่อๆ รู้แล้วมันก็จะวาง ปล่อยให้อารมณ์นั้นดับไป เราอาจจะไม่สามารถที่จะรู้ซื่อๆต่อเสียงรูปรสกลิ่นเสียงหรือสัมผัสที่มากระทบ แต่ว่าเราก็ยังสามารถที่จะมาเห็นหรือว่ารู้ซื่อๆเมื่อมีอารมณ์เกิดขึ้นจากการกระทบนั้น ทั้งสองอย่างทำได้ด้วยการมีสติ มีสติเมื่อเกิดผัสสะ
View more