1 ส.ค. 64 (เย็น) - ทำกิจและทำจิต เพื่อชีวิตที่ผาสุก : บางครั้ง การทำจิตกับการทำกิจ มันทำควบคู่กันไปเลย ไม่ใช่ว่าทำทีละตอน อย่างเช่น เราทำงาน มันก็เป็นการทำกิจอยู่แล้ว แต่ว่าเราก็ทำจิตไปด้วย ก็คือทำงานอย่างมีสติ จิตอยู่กับปัจจุบัน ไม่ไปพะวงถึงอนาคต เช่น เป้าหมายหรือว่ายอดที่จะไปให้ถึง มันมีอุปสรรคก็ไม่เอามารบกวนจิตใจ รู้จักวาง คนจะวิจารณ์งานของเรา เราก็ไม่เอามาเป็นอารมณ์ รู้จักปล่อยรู้จักวาง หรือเอามาพิจารณาใคร่ครวญ อันนี้เรียกว่า ทำจิตคู่กับทำกิจ
ที่จริงอย่าว่าแต่ทำงานเลย แม้กระทั่งการทำกิจวัตรประจ...
1 ส.ค. 64 (เย็น) - ทำกิจและทำจิต เพื่อชีวิตที่ผาสุก : บางครั้ง การทำจิตกับการทำกิจ มันทำควบคู่กันไปเลย ไม่ใช่ว่าทำทีละตอน อย่างเช่น เราทำงาน มันก็เป็นการทำกิจอยู่แล้ว แต่ว่าเราก็ทำจิตไปด้วย ก็คือทำงานอย่างมีสติ จิตอยู่กับปัจจุบัน ไม่ไปพะวงถึงอนาคต เช่น เป้าหมายหรือว่ายอดที่จะไปให้ถึง มันมีอุปสรรคก็ไม่เอามารบกวนจิตใจ รู้จักวาง คนจะวิจารณ์งานของเรา เราก็ไม่เอามาเป็นอารมณ์ รู้จักปล่อยรู้จักวาง หรือเอามาพิจารณาใคร่ครวญ อันนี้เรียกว่า ทำจิตคู่กับทำกิจ
ที่จริงอย่าว่าแต่ทำงานเลย แม้กระทั่งการทำกิจวัตรประจำวัน เราก็ทำจิตควบคู่กันไปด้วย เช่น อาบน้ำ ถูฟัน กินข้าว อันนี้้เรียกว่าทำกิจ เราก็ทำจิตไปด้วยคือ มีสติ มีความรู้สึกตัว ไม่ใช่ว่าอาบน้ำไปแต่ใจลอยไม่รู้ไปอยู่ไหน หรือไปหมกมุ่นครุ่นคิดกับอะไรต่ออะไรให้กังวล
เพราะฉะนั้น เวลาพูดถึงเรื่องการทำจิต ก็ให้เราตระหนักว่า มีจุดมุ่งหมายเพื่ออะไร มีขอบเขตแค่ไหน เพื่อที่เราจะไม่ละทิ้งไม่ทำกิจ หรือว่าทำกิจ เราทำก็จริง ทำด้วยความขยันหมั่นเพียรก็จริง ก็ไม่ลืมการทำจิต ให้มันคู่กันไป อันนี้แหล่ะคือการปฏิบัติธรรม มันก็เป็นส่วนหนึ่งของการภาวนาด้วย
View more