วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ไม่ได้เป็นเพียงวัดหลวงกลางพระนคร หากแต่เป็นสถานที่ที่หล่อหลอมพุทธศิลป์ ความคิด และการเปลี่ยนผ่านสำคัญของพระพุทธศาสนาไทย โดยเฉพาะในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น ที่วัดแห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางของธรรมยุติกนิกายในเวลาต่อมา เมื่อ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงขึ้นครองราชย์ หลังจากที่ทรงสถาปนาธรรมยุติกนิกายขึ้นตั้งแต่ครั้งยังทรงผนวช ณ วัดราชาธิวาส โดยเน้นความเคร่งครัดในพระวินัย พระบาลี และแนวปฏิบัติอันบริสุทธิ์
วัดนี้ยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อรัชกาลที่ 4 โปรดฯ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (พรหม) จำพรรษาที่วัดบวรฯ และแต่งตั้งเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์แรกแห่งธรรมยุติกนิกาย ซึ่งก่อนหน้านั้นตำแหน่งนี้จะผูกโยงอยู่กับวัดมหาธาตุเป็นหลัก ซึ่งเป็นการสลายธรรมเนียมที่เคยผูกโยงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชไว้กับวัดมหาธาตุ จนกลายเป็นแบบแผนใหม่ที่ดำรงอยู่จนปัจจุบัน และไม่ใช่เพียงเรื่องของนโยบาย วัดบวรฯ ยังเป็นที่จำพรรษาของสมเด็จพระสังฆราชถึง 4 พระองค์ หนึ่งในนั้นคือ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร ที่ประชาชนไทยคุ้นเคยและเคารพบูชา
รายการอารามบอยตอนล่าสุด ต้า-ธนภัทร์ ลิ้มหัสนัยกุล และ ดร.กฤษฎ์เลิศ สัมพันธารักษ์ จะพาคุณย้อนรอยความสำคัญของวัดแห่งนี้ผ่าน 9 แง่มุมที่ไม่เพียงบอกเล่าประวัติศาสตร์ หากยังเผยถึงความคิดของผู้สร้าง ช่างผู้ร่วมงาน และพระผู้ปฏิบัติธรรมที่มีบทบาทเปลี่ยนแปลงพุทธศาสนาไทยอย่างเป็นระบบ
เริ่มตั้งแต่ที่มาอันของวัดที่เคยเป็นพื้นที่ของวังหน้า ก่อนจะเปลี่ยนผ่านเป็นวัดประจำพระองค์รัชกาลที่ 4 และผูกพันกับพระมหากษัตริย์หลายรัชกาลเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธชินสีห์ พระพุทธรูปสำคัญจากพิษณุโลก ด้านหลังมีหลวงพ่อโตจากเพชรบุรี และผนังโดยรอบปรากฏภาพปริศนาธรรมโดย ขรัวอินโข่ง ใช้ภาพแบบตะวันตกเปรียบเทียบพระรัตนตรัย เช่น การเปรียบพระพุทธเจ้าเป็นกัปตันเรือ เป็นนายช่าง เป็นสารถี ซึ่งพบได้เพียงไม่กี่แห่งในสยาม
พระเจดีย์องค์ประธานของวัดบวรฯ ไม่เพียงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ แต่ยังสะท้อนแนวคิดทางจักรวาลวิทยาและการเมืองระหว่างประเทศ ผ่านการเลือกใช้รูปสัตว์ทั้ง 4 ได้แก่ ช้าง สิงโต ม้า และอินทรี เหนือซุ้มประตู สัญลักษณ์แทนสยาม อังกฤษ ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา ในยุคที่สยามกำลังเผชิญแรงกดดันจากโลกตะวันตก
ถัดจากนั้นคือพระวิหารพระศาสดา ประดิษฐานพระศรีศาสดาคู่กับพระพุทธชินสีห์และ พระพุทธชินราชพร้อมด้วยภาพจิตรกรรมเรื่องธุดงควัตร 13 และพุทธประวัติตอนปรินิพพาน และยังมีพระไสยาสน์จากวัดพระพายหลวง สุโขทัย ที่หาชมได้ยากในเขตพระนคร
หนึ่งในแง่มุมที่หลายคนไม่รู้ คือภายในวัดบวรฯ มีวัดร้างเก่าแก่ชื่อวัดรังษีสุทธาวาสที่แม้ถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งแล้ว แต่ยังคงรักษาโบราณสถานดั้งเดิมไว้ ทั้งพระอุโบสถที่ใช้บานประตูร่วมกัน และพระวิหารทรงไทยที่สงบนิ่งอย่างน่าเกรงขาม
ปิดท้ายด้วยพิพิธภัณฑ์ 2 แห่ง ได้แก่ ตึกมนุษยนาควิทยาทาน อาคารสถาปัตยกรรมตะวันตกที่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงสร้างถวายกรมพระยาวชิรญาณวโรรส และตึก ภปร. ที่จัดแสดงเครื่องบริขารของอดีตเจ้าอาวาส ตาลปัตร ย่าม เครื่องสังเค็ด รวมถึงพระพุทธรูปสำคัญ เช่น พระนิรันตราย พระมหานาคชินะ และพระกริ่งปวเรศ ซึ่งเป็นมากกว่าวัตถุโบราณ หากคือสิ่งที่บรรจุความทรงจำของพระผู้ใหญ่แห่งยุคไว้ในนั้น
หากจะกล่าวถึงสัญลักษณ์แห่งวัดบวรฯ ที่ผู้คนศรัทธาและจดจำที่สุด คงหนีไม่พ้นพระไพรีพินาศ พระพุทธรูปองค์แรกของวัดที่มีชื่อเสียงด้านปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย องค์จริงยังคงประดิษฐานอยู่ที่ระเบียงเจดีย์ เป็นจุดที่ควรไปกราบสักครั้งในชีวิต
หากคุณอยากรู้จักวัดบวรนิเวศฯ ให้ลึกซึ้งกว่าแค่ผ่านตา หรืออยากเข้าใจว่าทำไมวัดนี้จึงเป็นศูนย์กลางศรัทธาและภูมิปัญญาทางพุทธศาสนาไทยมายาวนานกว่าร้อยปี เราขอชวนไปฟังทั้งหมดได้เลยในรายการอารามบอยตอนนี้
ดำเนินรายการ : ธนภัทร์ ลิ้มหัสนัยกุล, ดร.กฤษฎ์เลิศ สัมพันธารักษ์