17 มิ.ย. 68 - จิตไม่หวั่นไหว ใจไม่กระเพื่อม : สติเป็นเหมือนตาในที่คอยสอดส่องดู ไม่ปล่อยให้มันล่วงล้ำเข้ามารบกวนจิตใจ พระพุทธเจ้าเปรียบเหมือนกับทวารบาลหรือทหารยามเฝ้าประตูเมือง ไม่ปล่อยให้ศัตรูเข้ามาก่อความปั่นป่วนในเมือง เพราะฉะนั้นถึงแม้เรายังไม่มีปัญญาชนิดที่ว่าอะไรมากระทบแล้วใจไม่กระเทือน ไม่มีความโกรธ ไม่มีความโศก ไม่มีความเศร้า ปุถุชนอย่างเราก็ยังมีอารมณ์พวกนี้อยู่ แต่ก็ยังมีด่านสุดท้ายที่อารมณ์พวกนี้มาทำร้ายใจเราไม่ได้ คือมีสติเห็นมัน
17 มิ.ย. 68 - จิตไม่หวั่นไหว ใจไม่กระเพื่อม : สติเป็นเหมือนตาในที่คอยสอดส่องดู ไม่ปล่อยให้มันล่วงล้ำเข้ามารบกวนจิตใจ พระพุทธเจ้าเปรียบเหมือนกับทวารบาลหรือทหารยามเฝ้าประตูเมือง ไม่ปล่อยให้ศัตรูเข้ามาก่อความปั่นป่วนในเมือง เพราะฉะนั้นถึงแม้เรายังไม่มีปัญญาชนิดที่ว่าอะไรมากระทบแล้วใจไม่กระเทือน ไม่มีความโกรธ ไม่มีความโศก ไม่มีความเศร้า ปุถุชนอย่างเราก็ยังมีอารมณ์พวกนี้อยู่ แต่ก็ยังมีด่านสุดท้ายที่อารมณ์พวกนี้มาทำร้ายใจเราไม่ได้ คือมีสติเห็นมัน
ฉะนั้นการที่เรามาฝึกใจให้เห็นความคิด อารมณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ โดยที่ไม่เข้าไปสู้รบตบมือกับมัน มันเป็นการศึกษา เป็นการพัฒนาจิตที่สำคัญ และถ้าเรามาพัฒนามาตรงจุดนี้ได้ ต่อไปการที่จะพัฒนาให้เกิดปัญญาจนกระทั่งเห็นความจริงของสิ่งทั้งปวง ไม่ยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งใด
เจออนิฏฐารมณ์ หรือเจอโลกธรรมฝ่ายลบ จิตก็ไม่หวั่นไหว ใจก็ไม่กระเพื่อม ยังคงเป็นปกติสุขอยู่ได้ สภาวะเช่นนี้ก็เกิดขึ้นได้ แต่ก่อนจะถึงตรงนั้นต้องมีสติที่ช่วยให้จิตปลอดภัยจากอารมณ์ต่าง ๆ แม้มันจะเกิดขึ้น เมื่อมีการกระทบแต่ว่าก็ทำร้ายจิตใจไม่ได้
View more