16 มี.ค. 68 - เติมเต็มใจให้หายพร่อง : อย่าไปรังเกียจความคิดฟุ้งซ่าน ความหลง อะไรที่เกิดขึ้นกับเรา จะดีหรือแย่อยู่ที่เรา ความคิดฟุ้งซ่านความหลงเกิดขึ้น ถ้าเอามาใช้ฝึกสติ มันก็เป็นของดี แต่ถ้าปล่อยให้มันครองจิตครองใจจนหลงจนทุกข์ อันนี้ก็ไม่ดี แต่ทุกข์แล้วก็ยังจะดีขึ้นได้ถ้าหากว่าเห็นทุกข์ เห็นทุกข์แต่ไม่เป็นทุกข์ ความทุกข์นี้พระพุทธเจ้าตรัสว่า เป็นความจริงอันประเสริฐ
แต่มันจะประเสริฐได้ก็ต่อเมื่อเราเห็นมัน ถ้าเราเห็นความทุกข์ มันจะกล...
16 มี.ค. 68 - เติมเต็มใจให้หายพร่อง : อย่าไปรังเกียจความคิดฟุ้งซ่าน ความหลง อะไรที่เกิดขึ้นกับเรา จะดีหรือแย่อยู่ที่เรา ความคิดฟุ้งซ่านความหลงเกิดขึ้น ถ้าเอามาใช้ฝึกสติ มันก็เป็นของดี แต่ถ้าปล่อยให้มันครองจิตครองใจจนหลงจนทุกข์ อันนี้ก็ไม่ดี แต่ทุกข์แล้วก็ยังจะดีขึ้นได้ถ้าหากว่าเห็นทุกข์ เห็นทุกข์แต่ไม่เป็นทุกข์ ความทุกข์นี้พระพุทธเจ้าตรัสว่า เป็นความจริงอันประเสริฐ
แต่มันจะประเสริฐได้ก็ต่อเมื่อเราเห็นมัน ถ้าเราเห็นความทุกข์ มันจะกลายเป็นความจริงอันประเสริฐ แต่ถ้าไม่เห็นมัน คือ เข้าไปเป็นมัน มันก็ไม่ใช่ความจริงอันประเสริฐ มันกลับจะทำให้เราเป็นทุกข์หนักขึ้น และมันเกิดขึ้น ก็ดี ถ้าหากรู้
ฉะนั้นอย่าไปคิดว่าปฏิบัติแล้วมันต้องไม่คิด มันต้องไม่หงุดหงิด มันต้องไม่ว้าวุ่น แม้หงุดหงิดแต่รู้ ก็ดีกว่าไม่หงุดหงิดโดยที่ไม่รู้ มีความฟุ้งเกิดขึ้น ก็ดี ถ้ารู้ ดีกว่าสงบแต่ไม่รู้ รู้เป็นสิ่งที่ดี แล้วจะรู้ได้ก็ต้องมีความคิดฟุ้งซ่าน มีอารมณ์ต่างๆ มาฝึก เป็นแบบฝึกหัดให้สติรู้ ใหม่ๆ รู้ช้า คิดไป 10 เรื่องถึงค่อยรู้ตัวหรือรู้ว่าเผลอคิดไป แต่ต่อไปมันจะรู้ได้เร็วขึ้น รู้ได้เร็วขึ้น แล้วกลับมาได้เร็ว กลับมาได้เร็ว
การปฏิบัติ เราไม่สนใจว่ามันจะไปไหน แต่เราจะพยายามฝึกให้มันกลับมา ไปไม่ว่า ให้กลับมาไวๆ กลับมาไวๆ กลับมาที่ไหน กลับมาที่กาย กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว แล้วรู้สึกตัว ทำอย่างนี้เรื่อยๆ มันจะเป็นการเติมความรู้สึกตัวให้กับใจ
เมื่อเติมเรื่อยๆ เติมเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง มันก็จะรู้สึกเติมเต็มขึ้นมา จิตใจเราได้รับการเติมเต็มแล้วทีละเล็กทีละน้อย ความพร่องก็จะค่อยๆ ลดลง พอความรู้สึกตัวเติมเต็มจิตใจเรา เราจะรู้สึกมั่นคงสงบนิ่งได้ ไม่ว้าวุ่น ไม่แส่ส่าย แล้วถ้าใจเราได้รับการเติมเต็ม ขาดความพร่อง ความสุขความสงบก็จะเกิดขึ้นกับชีวิตของเรา
View more