5 พ.ย. 63 - ทำอะไรก็เติมใจใส่ไปด้วย : เวลาทำอะไรก็รู้เนื้อรู้ตัว มันไม่ใช่แค่รู้เนื้อรู้ตัวอย่างเดียว มันเกิดความโปร่ง เกิดความเบา เพราะถ้าใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ใจไปหลงคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้ มันก็เครียด วิตก กังวล บางทีไปคิดเรื่องคำต่อว่าด่าทอ มันก็ทำให้โกรธ แต่พอเอาใจมาอยู่กับปัจจุบัน อยู่กับการกระทำ มันก็โปร่งเบา ไม่ใช่แค่ใจสบายอย่างเดียว ทำอะไร การกระทำนั้นๆ ก็ทำได้ดี ทำได้ถูกต้อง ล้างจานก็วางจานวางช้อนได้เป็นระเบียบ กวาดใบไม้กวาดขยะก็กวาดได้ถ...
5 พ.ย. 63 - ทำอะไรก็เติมใจใส่ไปด้วย : เวลาทำอะไรก็รู้เนื้อรู้ตัว มันไม่ใช่แค่รู้เนื้อรู้ตัวอย่างเดียว มันเกิดความโปร่ง เกิดความเบา เพราะถ้าใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ใจไปหลงคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้ มันก็เครียด วิตก กังวล บางทีไปคิดเรื่องคำต่อว่าด่าทอ มันก็ทำให้โกรธ แต่พอเอาใจมาอยู่กับปัจจุบัน อยู่กับการกระทำ มันก็โปร่งเบา ไม่ใช่แค่ใจสบายอย่างเดียว ทำอะไร การกระทำนั้นๆ ก็ทำได้ดี ทำได้ถูกต้อง ล้างจานก็วางจานวางช้อนได้เป็นระเบียบ กวาดใบไม้กวาดขยะก็กวาดได้ถูกต้อง เป็นระเบียบเรียบร้อย เพราะว่าทำด้วยความใส่ใจ ทำอย่างมีสติ ใจไม่ลอย ถ้าใจลอยเมื่อไหร่ก็เกิดปัญหาได้ง่าย แม้จะเป็นงานง่ายๆเช่น ล้างจาน หรือว่าแต่งเนื้อแต่งตัว ใจลอย กลัดกระดุมผิด บางทีก็ลืมนั่นลืมนี่ เป็นเพราะว่าใจไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัว ขาดสติ เพราะว่าไม่มีนิสัยที่จะพาใจมา ไม่เติมใจกับการกระทำต่างๆ
แต่ถ้าเราทำอะไรด้วยความรู้เนื้อรู้ตัว ทำด้วยสติ ข้างในมันก็จะเย็นสงบ ข้างนอกคือการกระทำต่างๆมันก็ราบรื่น อันนี้เราก็ต้องรู้จักจับหลักให้ได้ในการปฏิบัติ บางทีเขาก็ใช้คำว่ารู้กายเคลื่อนไหว รู้ใจคิดนึก หรือว่าทำอะไรด้วยใจเต็มร้อย ตัวอยู่ไหนใจอยู่นั่น อันนี้ก็เป็นเรื่องเดียวกันนั้นแหล่ะ ก็คือเรื่องของการเติมใจใส่ลงไปในสิ่งต่างๆ การทำงานก็คือการปฏิบัติธรรมอย่างที่ท่านพุทธทาสว่าไว้ ถ้าการกระทำนั้นเราเติมใส่ใจลงไป ไม่ใช่ปล่อยให้ตัวทำ แต่ใจไม่รู้อยู่ไหน
View more