18 ธ.ค. 67 - หมั่นสร้างเหตุ ปล่อยวางผล : ถ้าเราสร้างจังหวะ เราเดินจงกรม แม้เรากลืนน้ำลาย แม้กระพริบตาก็ยังรู้นะ เพราะรู้ตัวทั่วพร้อม แต่ถ้าเราไปจดจ่ออยู่ที่มือที่เท้า กลืนน้ำลายก็ไม่รู้ ต่อไปกระพริบตาก็ไม่รู้ เพราะมันรู้เฉพาะจุด การเพ่งมันทำให้เรารู้เฉพาะจุด ทำอย่างไรถึงจะรู้รวมๆ ก็ต้องผ่อนสักนิด อย่าไปจ้องอย่าไปเพ่งมาก มารู้กายไปเรื่อยๆ เดี๋ยวใจมันจ๊ะเอ๋กับความคิดเอง
อันนี้เป็นเรื่องที่แปลกนะ พอใจมีสติมารู้กายไปเรื่อยๆ พอใจมันผละจากกายไปคิดโน่นคิดนี่ สติก็ตามรู้ทัน แต่ใหม่ๆ ก็คิดไป 7-8 เรื่องถึงจะตาม...
18 ธ.ค. 67 - หมั่นสร้างเหตุ ปล่อยวางผล : ถ้าเราสร้างจังหวะ เราเดินจงกรม แม้เรากลืนน้ำลาย แม้กระพริบตาก็ยังรู้นะ เพราะรู้ตัวทั่วพร้อม แต่ถ้าเราไปจดจ่ออยู่ที่มือที่เท้า กลืนน้ำลายก็ไม่รู้ ต่อไปกระพริบตาก็ไม่รู้ เพราะมันรู้เฉพาะจุด การเพ่งมันทำให้เรารู้เฉพาะจุด ทำอย่างไรถึงจะรู้รวมๆ ก็ต้องผ่อนสักนิด อย่าไปจ้องอย่าไปเพ่งมาก มารู้กายไปเรื่อยๆ เดี๋ยวใจมันจ๊ะเอ๋กับความคิดเอง
อันนี้เป็นเรื่องที่แปลกนะ พอใจมีสติมารู้กายไปเรื่อยๆ พอใจมันผละจากกายไปคิดโน่นคิดนี่ สติก็ตามรู้ทัน แต่ใหม่ๆ ก็คิดไป 7-8 เรื่องถึงจะตามทัน แล้วก็พาจิตกลับมา แต่ต่อไปก็จะตามได้เร็วขึ้น แล้วพาจิตกลับมาเร็วขึ้น อย่าไปกังวล อย่าไปห่วงว่ามันจะไปไหน สิ่งสำคัญคือการกลับมา
ความก้าวหน้าของการปฏิบัติไม่ได้อยู่ที่ว่าจิตไม่ไป หลายคนพยายามทำให้จิตไม่ไป พยายามทำให้จิตหยุดนิ่ง แต่ถ้าอนุญาตให้จิตมันไป แล้วก็พยายามที่จะรู้ทัน แล้วพาจิตกลับมา อะไรพาจิตกลับมาคือสติ ความก้าวหน้าไม่ได้อยู่ที่การที่จิตไม่ไป แต่อยู่ที่การที่จิตกลับมา
ฉะนั้นอย่าไปบังคับจิตไม่ให้ไป แต่ว่าให้หมั่นรู้ทันเวลามันไป แล้วพามันกลับมา ก่อนที่พามันกลับมา มันจะจ๊ะเอ๋เสียก่อน จิตมันจะจ๊ะเอ๋กับความคิด จ๊ะเอ๋กับอารมณ์ แล้วความคิดและอารมณ์ก็จะเลือนหายไป ทำให้จิตกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว กลับมารู้เนื้อรู้ตัว ให้มารู้กายก่อน แล้วต่อไปมันก็จะรู้จิต หรือรู้ความคิด รู้อารมณ์เอง มันเป็นขั้นเป็นตอน เป็นลำดับ มันเป็นไปเองแบบนี้แหละ
View more