12 พ.ค. 64 (เย็น) - เยียวยาด้วยการฟัง : ฟังโดยไม่ตัดสินก็คือว่า เขาว่าอะไรเราก็ฟังอย่างเดียว ไม่เถียง แล้วเราก็ไม่ถึงกับห้ามปรามว่า คิดอย่างนี้ไม่ถูก เสียงในหัวก็เหมือนกัน บางทีก็เป็นเสียงของกิเลส หรือว่าเสียงของตัวโลภะ โทสะ ที่มาปลุกปั่นในใจ เราก็แค่ดูมันเฉยๆ แค่รับรู้มัน แล้วก็ไม่หลงเชื่อมัน การฟังเสียงในหัวอย่างถูกต้อง คือฟังโดยไม่ตัดสิน มันก็เป็นเรื่องเดียวกับการรู้ซื่อๆ รู้เฉยๆ ก็แค่เห็นความคิดและอารมณ์ที่เกิดขึ้น แต่ว่าไม่ไปทำอะไรกับมัน ก็แค่รู้ว่ามีความคิดมี...
12 พ.ค. 64 (เย็น) - เยียวยาด้วยการฟัง : ฟังโดยไม่ตัดสินก็คือว่า เขาว่าอะไรเราก็ฟังอย่างเดียว ไม่เถียง แล้วเราก็ไม่ถึงกับห้ามปรามว่า คิดอย่างนี้ไม่ถูก เสียงในหัวก็เหมือนกัน บางทีก็เป็นเสียงของกิเลส หรือว่าเสียงของตัวโลภะ โทสะ ที่มาปลุกปั่นในใจ เราก็แค่ดูมันเฉยๆ แค่รับรู้มัน แล้วก็ไม่หลงเชื่อมัน การฟังเสียงในหัวอย่างถูกต้อง คือฟังโดยไม่ตัดสิน มันก็เป็นเรื่องเดียวกับการรู้ซื่อๆ รู้เฉยๆ ก็แค่เห็นความคิดและอารมณ์ที่เกิดขึ้น แต่ว่าไม่ไปทำอะไรกับมัน ก็แค่รู้ว่ามีความคิดมีอารมณ์เกิดขึ้นในใจ รู้แล้วก็วางๆ อันนี้เรียกว่ารู้แบบไม่ตัดสิน ก็คือรู้ซื่อๆ ก็เป็นการฟังชนิดหนึ่งที่เราควรฟังอย่างถูกต้อง ไม่คล้อยตามมันง่ายๆ และก็ไม่ได้ผลักไสมัน ไม่ไหลตาม
ก็แค่รู้เฉยๆ รู้แล้วก็วางๆ มันก็ดีต่อใจของเราด้วย เพราะมันทำให้ใจเราไม่ทุกข์ เพราะถ้าเราไปหลงเชื่อเสียงในหัว บางทีเราก็แย่เหมือนกัน โดยเฉพาะเสียงที่ไปในทางตำหนิ ชอบบ่นชอบคิดลบคิดร้าย หรือชอบฝังติดอยู่ักับเรื่องราวในอดีต หรือไปอยู่กับเรื่องราวในอนาคต ก็เห็นมัน แต่ว่าอย่าไปเชื่อมัน เห็นมันแต่ก็ไม่ผลักไสมัน อันนี้เรียกว่ารู้ซื่อๆ ถือว่าเป็นการฟังเสียงในใจหรือเสียงในหัวของเราโดยไม่ตัดสิน ซึ่งก็เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ถ้าเราทำอย่างนี้ได้กับคนอื่นก็ช่วยทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น ถ้าเราทำอย่างนี้กับตัวเราเอง มันก็ทำให้เกิดความสงบสันติในใจได้ง่ายขึ้นด้วย
View more