ข่าวลือ ข่าวลวง เป็นสิ่งที่อยู่คู่สังคมไทย และสังคมโลกมานานแล้ว แต่ถ้าจะนับจุดเริ่มต้นของคำว่า Fake News น่าจะเป็นช่วงต้นปี 2016
จุดเริ่มต้นของ Fake News ไม่ได้เกิดจากประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น หรือ อังกฤษ แต่กลับเกิดขึ้นจากประเทศเล็กๆ ในยุโรปอย่างมาเซโดเนีย
วัยรุ่นอายุ 18 ปีคนหนึ่งในมาเซโดเนีย ทำงานพาร์ทไทม์ด้วยการเขียนข่าวและบทความ Fake News เพื่อส่งกระจ...
ข่าวลือ ข่าวลวง เป็นสิ่งที่อยู่คู่สังคมไทย และสังคมโลกมานานแล้ว แต่ถ้าจะนับจุดเริ่มต้นของคำว่า Fake News น่าจะเป็นช่วงต้นปี 2016
จุดเริ่มต้นของ Fake News ไม่ได้เกิดจากประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น หรือ อังกฤษ แต่กลับเกิดขึ้นจากประเทศเล็กๆ ในยุโรปอย่างมาเซโดเนีย
วัยรุ่นอายุ 18 ปีคนหนึ่งในมาเซโดเนีย ทำงานพาร์ทไทม์ด้วยการเขียนข่าวและบทความ Fake News เพื่อส่งกระจายต่อไปตามเว็บการเมืองเลือกข้าง ในช่วง 4 เดือนระหว่างสิงหาคมถึงพฤศจิกายนของปี 2016 วัยรุ่นคนนี้สามารถทำเงินได้แตะๆ 500,000 บาทเลยดีเดียว
เด็กวัยรุ่นที่ผลิต Fake News ทำเงินไปได้กว่าห้าแสนบาท ในขณะที่ชาวมาเซโดเนียโดยเฉลี่ย มีายได้แค่เดือนละ 10,000 บาท
หลังจากเริ่มเล็งเห็นช่องทางในการหารายได้คนก็แห่กันเข้ามาเขียนข่าวปลอมกันเยอะแยะไปหมด สำนักข่าว Wired รายงานว่าในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2016 มีเว็บไซท์การเมืองจดทะเบียนสูงกว่าร้อยเว็บ ข่าวที่ช่วยหนุนให้ โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง นับยอดแชร์ได้มากกว่า 30 ล้านครั้ง
รายได้หลักก็มาจากบริการอย่าง Adsense หรือ Appnexus ที่เปิดโอกาสให้กับเจ้าของเว็บไซต์สามารถทำรายได้โดยการนำโฆษณามาวาง บริการเหล่านี้จัดวางแบนเนอร์โฆษณาไปทุกที่ ไม่เลือกว่าเป็นเว็บข่าวประเภทใด น่าเชื่อถือมากขนาดไหน ขอแค่มีคนเห็นก็พอ ยิ่งยอดวิวสูง รายได้ก็จะมากขึ้นตามไปด้วย
แม้ว่าแบรนด์ดังและบริษัทต่างๆ จะพยายามบล็อกไม่ให้แบรนด์ของตัวเองปรากฎอยู่บนหน้าเว็บเหล่านี้ แต่มันก็ยากที่จะไล่ตามเก็บได้หมด ยิ่งเมื่อมีเว็บใหม่ๆ เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ดด้วยแล้ว
Fake News กลายเป็นปรากฎการณ์คู่ขนานในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2016 ซึ่งแม้จะยังฟันธงไม่ได้ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งด้วย Fake News
แต่มันก็ส่งแรงสั่นสะเทือนมากพอให้ยักษ์ใหญ่ในวงการออนไลน์ ต้องหันมาพิจารณานโยบายของตนเอง Facebook เซ็นสัญญาร่วมงานกับ Snope และ Politifact เพื่อช่วยกรองข่าวให้ ด้าน Google ก็ระงับการจ่ายเงินให้กับเว็บไซต์ที่ถูกตรวจได้ว่าเป็น Fake News แต่จะเห็นได้ว่าทั้งสองวิธีก็ทำได้แค่ระงับ ยับยั้ง หลังจาก Fake News ถูกเผยแพร่ไปแล้ว แต่ยังไม่สามารถป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นได้
เรียบเรียบและลงเสียงโดย นภพัฒน์จักษ์ อัตตนนท์
View more