20 พ.ค. 63 - ออกจากความจำเจ : พระพุทธเจ้าตรัสว่าสุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี ความสงบไม่จำเป็นต้องหมายความว่าต้องให้จิตแน่วแน่ ไม่รับรู้อะไรเลยอย่างเดียว การที่ให้จิตไปรับรู้เรื่องราวต่างๆไม่ว่าจะทางหู ทางตา ทางปาก ทางลิ้น ทางจมูก ทางใจ จิตก็สงบได้ แต่ถึงแม้ว่าจิตจะไปรับรู้ รูป รส กลิ่น เสียงภายนอก หรือมีความคิดเกิดขึ้นภายใน แต่ถ้ามีความรู้สึกตัว มีสติ สิ่งที่กระทบจากภายนอกหรือสิ่งกระทบภายในก็ไม่ทำให้จิตหวั่นไหว จิตก็สง...
20 พ.ค. 63 - ออกจากความจำเจ : พระพุทธเจ้าตรัสว่าสุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี ความสงบไม่จำเป็นต้องหมายความว่าต้องให้จิตแน่วแน่ ไม่รับรู้อะไรเลยอย่างเดียว การที่ให้จิตไปรับรู้เรื่องราวต่างๆไม่ว่าจะทางหู ทางตา ทางปาก ทางลิ้น ทางจมูก ทางใจ จิตก็สงบได้ แต่ถึงแม้ว่าจิตจะไปรับรู้ รูป รส กลิ่น เสียงภายนอก หรือมีความคิดเกิดขึ้นภายใน แต่ถ้ามีความรู้สึกตัว มีสติ สิ่งที่กระทบจากภายนอกหรือสิ่งกระทบภายในก็ไม่ทำให้จิตหวั่นไหว จิตก็สงบอยู่ได้ เป็นเพราะมีสติ เพราะมีปัญญา เพราะมีความรู้สึกตัว ก็ต้องฝึกเอาไว้บ้าง
ถ้าไม่ฝึกจิตในลักษณะนี้ มันจะคอยแสวงหาสิ่งแปลกใหม่อยู่เสมอ สิ่งเสพทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางปาก แม้กระทั่งทางใจ อยู่ว่างๆเบื่อ เซ็ง ก็หาเรื่องคิด บางทีก็ฝันกลางวัน เริ่มจากฝันกลางวัน คิดโน้นคิดนี่ จินตนาการไป ใจก็ฟู แต่ประเดี๋ยวเดียวใจก็ไหลไปจมอยู่กับเรื่องที่ติดข้อง คับแค้นในอดีต หรือว่าอาจจมไปอยู่กีบสิ่งที่กังวลกับอนาคต คนที่ชอบคิด หาเรื่องคิดฟุ้งซ่าน เพื่อให้ใจมีอะไรคิดใหม่ๆ ทีแรกใจลอย สุดท้ายใจก็จมอยู่กับอารมณ์เดิมๆ อยู่กับร่องความคิดเดิมๆ กลายเป็นแย่ไปเลย หรือไม่ก็ไปหาสิ่งใหม่ๆ ต้องไปเปลี่ยนที่กิน เปลี่ยนที่ช็อป เปลี่ยนที่เที่ยว สุดท้ายก็หาความสงบหาความสุขไม่ได้ เพราะว่าอยู่เฉยๆไม่เป็น อยู่กับที่ไม่ได้ เกิดอาการกระสับกระส่ายได้ง่ายมาก อันนี้เกิดจากคนที่แสวงหาสิ่งเสพแปลกๆใหม่ๆไปที่ใหม่ๆที่ไม่คุ้นเคย
ถ้าไม่รู้จักความพอดีมันก็จะกลายเป็นเสพติดไป เสพติดความแปลกใหม่ เสพติดความหลากหลาย แล้วมันจะทำให้ไม่สามารถอยู่กับตัวเองได้ ไม่สามารถจะพบกับความสุขภายในได้ อันนี้ต้องระวัง เพราะฉะนั้น ต้องไม่ลืมที่จะกลับมาฝึกจิตให้พบกับความสงบ ให้ได้สัมผัสกับความรู้สึกตัว ความปลอดโปร่ง ความตื่นรู้ อันนี้มันก็ช่วยเติมพลังบวกให้จิตใจได้แม้ว่าจะอยู่ในที่เดิมๆ หรือว่าทำกิจกรรมไม่กี่อย่างในแต่ละวัน
View more