6 ส.ค. 63 - หยุดหลงก็หมดทุกข์ : ที่จริงคำว่าหลง นอกจากหลงลืมแล้วก็ยังมีอีกอันหนึ่งคือหลงผิด หลงผิดนี้ สำคัญมากคือเห็นผิด ไปคิดว่า สิ่งทั้งหลายมันเที่ยง มันเป็นสุข มันเป็นตัวเป็นตน เป็นของเราได้ อันนี้คือรากเหง้าของความทุกข์เลยเป็นตัวหลงที่สำคัญมาก หลงอย่างแรกคือหลงลืม หลงลืมตัว แต่หลงอย่างที่สอง คือหลงผิด หลงผิดจากความเป็นจริงเพราะไม่เข้าใจ เพราะทุกอย่างมันไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน เป็นเพราะหลงผิด ก็เข้าไปยึดสิ่งต่างๆ แล้วก็จะเกิดความทุกข์ตามมาเมื่อสิ่งต่างๆแปรเปลี่ยนไป แค่เห็นว่าเที่ยงก็ทุ...
6 ส.ค. 63 - หยุดหลงก็หมดทุกข์ : ที่จริงคำว่าหลง นอกจากหลงลืมแล้วก็ยังมีอีกอันหนึ่งคือหลงผิด หลงผิดนี้ สำคัญมากคือเห็นผิด ไปคิดว่า สิ่งทั้งหลายมันเที่ยง มันเป็นสุข มันเป็นตัวเป็นตน เป็นของเราได้ อันนี้คือรากเหง้าของความทุกข์เลยเป็นตัวหลงที่สำคัญมาก หลงอย่างแรกคือหลงลืม หลงลืมตัว แต่หลงอย่างที่สอง คือหลงผิด หลงผิดจากความเป็นจริงเพราะไม่เข้าใจ เพราะทุกอย่างมันไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน เป็นเพราะหลงผิด ก็เข้าไปยึดสิ่งต่างๆ แล้วก็จะเกิดความทุกข์ตามมาเมื่อสิ่งต่างๆแปรเปลี่ยนไป แค่เห็นว่าเที่ยงก็ทุกข์พอแล้ว เพราะว่ามันไม่มีอะไรที่เที่ยง ยิ่งไปหลงยึดว่าเป็นเราเป็นของเราด้วย ก็ยิ่งหนักเข้าไป เพราะพอไปหลงว่าเป็นเราเป็นของเรา เราเป็นของมันทันทีเลย มันจะมีอิทธิพลเหนือชีวิตเราทันทีเลยไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นรูปธรรมนามธรรม ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สมบัติ สิ่งของ หรือว่าความคิด รวมทั้งความสงบ ความสุขไปยึดว่าเป็นของเราเมื่อไรเราเป็นของมันทันทีเลย เราจะอยู่ในอำนาจของมัน พอมันแปรผันไปใจเราก็ทุกข์ ใจเราก็เครียด ใจเราก็คับแค้น อันนี้เป็นตัวหลงที่สำคัญที่เราจะต้องรู้จัก
แต่การที่เราจะหลุดจากหลงตัวนี้ได้ มันต้องเริ่มต้นจากการที่ เราทำความรู้ตัวให้เกิดขึ้นก่อน เมื่อมีความรู้ตัวเกิดขึ้นอยู่เป็นนิจ แล้วความรู้ตัวนั้นเอามาใช้ในการพิจารณาดูกายดูใจ เห็นความเป็นไปของกายและใจ ต่อไปมันก็จะเห็นความจริง มันก็จะขยับก้าวจากความรู้ตัว ไปเป็นความจริงไป ซึ่งจะช่วยทำให้ความหลงที่เรียกว่าหลงผิดมันบรรเทาเบาบางไปได้ ซึ่งอันนี้ก็ได้พูดกันมาหลายครั้งแล้ว แต่ตอนนี้ก็ให้ตระหนักว่า ความทุกข์กับความหลง มันแยกจากกันไม่ออก ถ้าอยากจะให้ความทุกข์ใจหมดไป ก็ต้องหาทางให้ตัวหลงบรรเทาเบาบางลงไปได้ หมดหลงเมื่อไหร่ก็หมดทุกข์เมื่อนั้น
View more