ทุก ‘เรื่องราว’ ที่เกิดขึ้นย่อมมี ‘ที่มา’
ความวุ่นวายที่ระยองยังไม่ทันคลี่คลาย ความวุ่นวายใหม่ก็เกิดขึ้นที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อรัฐมนตรีกลุ่ม 4 กุมาร ที่มีแกนนำคือ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ทำให้การปรับครม. เริ่มต้นอย่างเป็นทางการนับจากนี้เป็นต้นไป
ข้อความทางไลน์ และบทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ สมคิด รวมถึงการให้สัมภาษณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ สะท้อนชัดเจนว่า การปรับครม.เศรษฐกิจชุดนี้ ไม่ใช่ความต้องการของนายกฯ แต่เกิดจากแรงกดดันทางการเมืองหลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และคณะเข้ายึดกุมพรรคพลังประชารัฐ
ถ้า ‘กรรม’ หมายถึง ‘ผลจากการกระทำ’
การตั้งพรรคพลังประชารัฐด้วยการรวมนักการเมืองระดับเสือ สิงห์ กระทิงดุ และรัฐธรรมนูญแบบรัฐบาลผสม ย่อมนำพาการเมืองมาถึงสถานการณ์แบบนี้อย่างปฏิเสธไม่ได้
เช่นเดียวกับความตื่นตระหนกที่จังหวัดระยอง การใส่ความกลัวให้ประชาชนไม่การ์ดตกกับโควิด-19 มากจนเกินหลักวิทยาศาสตร์ สุดท้ายเมื่อรัฐทำพลาดเอง กระแสความหวาดกลัวจึงสะท้อนกลับเป็นความตื่นตระหนกของผู้คน
เศรษฐกิจในระยองที่เพิ่งเริ่มกลับมาได้ไม่ถึง 2 สัปดาห์ ถอยหลังกลับไปสู่จุดตกต่ำอีกครั้ง
และเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าอุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้นได้เสมอ
ทุกครั้งของการปรับครม. ย่อมทำให้มีทั้งคนที่พอใจและไม่พอใจ และเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งทางการเมืองภายในพรรค
การปรับครม.ของพล.อ.ประยุทธ์ ในวันที่อำนาจต่อรองทางการเมืองลดน้อยลง อาจมองได้ 2 มุม
มุมหนึ่ง คือ การเริ่มต้นใหม่ในโลกแห่งความเป็นจริงทางการเมือง
หรืออีกมุมหนึ่ง คือ การนับถอยหลังทางการเมืองของพล.อ.ประยุทธ์
view more