ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 มีหนึ่งข่าวการเมืองแหวกม่านโผล่มายึดกุมพื้นที่สื่อมวลชนอย่างกว้างขวาง นั่นคือรอยร้าวความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐ
ในสถานการณ์โควิด-19 ล่าสุด เราได้เห็นความปกติใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ นั่นคือการเดินสายพบปะภาคธุรกิจเอกชนเพื่อรับฟังปัญหาด้วยตนเอง โดยไร้เงารัฐมนตรีเศรษฐกิจข้างกาย รวมถึงการประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมในสถานการณ์โควิด-19
นี่อาจเป็นสัญญาณที่ดีในแก้ปัญหาประเทศที่ผู้นำรับฟังความเห็นกว้างขวางมากขึ้น แต่เป็นสัญญาณที่รองนายกฯ และรัฐมนตรีเศรษฐกิจต้องตีความ เพราะอาจหมายถึงเสียงของพวกเขา ไม่ใช่สิ่งเดียวที่นายกฯ รับฟังเหมือนในอดีต
ภายใต้ความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐซึ่งมีชื่อ พล.อ.ประวิตร เป็นแกนนำในการยึดเก้าอี้หัวหน้าพรรคจาก อุตตม สาวนายน ศิษย์สำนัก สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เกมทำท่าจะจบลงด้วยอาญาสิทธิ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งให้อุตตม และสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคเข้าพบพร้อมให้กำลังใจและบอกให้ทำหน้าที่เดิมต่อไป
แต่กลเกมทางการเมืองซับซ้อนกว่าที่คิด กลยุทธ์ ‘ถอนฟืนจากใต้กระทะ-ต้นไม้ผลิดอก’ และ ‘พูดให้ชัด แต่เตะไม่ถึง’ ที่เคยอ่านในตำราพิชัยสงครามเริ่มปรากฏให้เห็นชัดขึ้น
การเมืองไม่เคยมีมิตรแท้ ไม่มีพี่น้องและไม่มีศัตรูถาวร
บทเรียนจาก ‘อดีต’ บอกไว้เช่นกัน
เปิดสภาฯ เมื่อไรได้เห็นแน่
view more