ในตอนที่ถูกจับกุม ผมไม่เคยรู้สึกกลัว เพราะรู้ดีว่า เราไม่ได้ทำอะไรผิด และที่สำคัญที่สุด ผมเองก็เห็นว่านักกิจกรรมที่ผมร่วมนั่งรถมากับพวกเขาด้วยนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเช่นกัน เพียงแค่ในรถของพวกเขามีเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการรณรงค์ประชามติ และสติ๊กเกอร์ VOTE NO เพียงเท่านั้น แน่นอนว่าในประเทศที่เป็นประชาธิปไตยสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ปกติธรรมดามาก สำหรับการลงประชามติซึ่งต้องมีการรณรงค์ให้ข้อมูล และแสดงออกซึ่งความคิดเห็นอย่างอิสระ แต่สำหรับประเทศไทยเรื่องเหล่านี้กลับอยู่ในสภาวะยกเว้น ซึ่งผมเห็นว่าเป็นการแสดงความกลัวของฝ่ายรัฐที่พยายามควบคุมจำกัดสิทธิ เสรีภาพของประชาชน รวมทั้งเสรีภาพของสื่อ ซึ่งเป็นสิ่งเดียวกัน
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในวันที่ถูกจับกุมสำหรับผม มันหลงเหลือเพียงแต่ความโกรธ เราโกรธที่ทุกครั้งที่ผู้นำรัฐบาลพยายามอ้างว่า กำลังนำประเทศกลับคืนสู่ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย แต่ในความเป็นจริงพวกเขากำลังทำให้สิ่งที่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง
การที่พวกเขาเลือกที่จะจับกุมผมด้วย อาจเป็นหนึ่งในความพยายามควบคุมการนำเสนอข่าวสารที่เกี่ยวข้องการกับรณรงค์ไม่รับร่างรับธรรมนูญ และพยายามแสดงให้สื่อสำนักอื่นได้เห็นว่าโทษของการรายงานเรื่องเหล่านี้เป็นอย่างไร แต่พวกเขาไม่ประสบความสำเร็จ เพราะหลังจากที่ได้รับการประกันตัวออกมาผมยังคงปฎิบัติหน้าที่รายงานข่าวเช่นเดิม
อ่านทั้งหมดได้ที่: https://prachatai.com/journal/2017/03/70766
ประชาไท #อ่านให้ฟัง หยิบบทความที่น่าสนใจมาอ่านให้คุณฟัง แบบไม่ต้องอ่าน
Create your
podcast in
minutes
It is Free