เพราะการปฏิเสธเป็นการสื่อสารที่มักจะทำร้ายความสัมพันธ์ดังนั้นหลายคนจึงกลัวที่จะเป็นฝ่ายปฏิเสธ หรือแม้กระทั่งกลัวที่จะถูกปฏิเสธ แต่ถ้าเราจำเป็นต้องพูดออกไป… ก็ขอให้เราเรียนรู้ที่จะใช้วิธีการที่ไม่ทำร้ายจิตใจใคร
“เพราะว่า ไม่มีใครหรอกนะที่จะอยากถูกปฏิเสธบ่อยๆ”
การปฏิเสธมี 2 แบบ คือแบบ รักษาน้ำใจ และ แบบไม่รักษาน้ำใจ
[นาทีที่ 4.55]
การปฏิเสธแบบรักษาน้ำใจ จะไม่ค่อยทำให้ผู้ที่เราปฏิเสธรู้สึกแย่กับเรา ในขณะที่การปฏิเสธแบบไม่รักษาน้ำใจ ทำให้เกิดความเจ็บปวด ผู้ถูกปฏิเสธอาจรู้สึกถูกปฏิเสธมากกว่าสิ่งที่ขอแต่เหมือนเป็นการถูกปฏิเสธตัวตนเลยทีเดียว นอกจากความรู้สึกแย่ๆ ที่เกิดขึ้น อาจทำให้มีคำถามในความสัมพันธ์ตามมาเช่น เขาไม่เห็นคุณค่าฉันเลยหรอ? เขาเกลียดฉันหรอ? ฉันผิดตรงไหน?
เพื่อให้ผู้รับสารเจ็บปวดน้อยที่สุดการปฏิเสธแบบรักษาน้ำใจนั้นต้องใช้ความพยายามอย่างมาก พระคัมภีร์ได้ให้หลักการไว้แบบนี้ …
"จงพยายามรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่มาจากพระวิญญาณนั้น
โดยมีสันติภาพเป็นเครื่องผูกพัน"
เอเฟซัส 4:3 (THSV11)
วิธีการปฏิเสธยังไงให้เขาไม่เจ็บ กับสูตร 3 ส.
[นาทีที่ 9.45]
การปฏิเสธแบบรักษาน้ำใจนั้นมีหลายวิธี แต่วันนี้ชูใจจะมาแนะนำ การปฏิเสธแบบรักษาน้ำใจ ด้วยสูตร 3ส. (ประยุกต์จากหนังสือ *ลุงเดล คาร์เนกี)
ตัวอย่างการปฏิเสธในสถานการณ์ต่างๆ
[นาทีที่ 15.10]
นอกจากเรื่องของความรู้สึกของเราที่ไม่กล้าปฏิเสธ ก็ยังมีบริบทต่างๆ ที่ทำให้เราพูดออกไปยากขึ้น เช่น อายุ ความสัมพันธ์ ตำแหน่งหน้าที่การงาน
ตัวอย่างกรณียากๆ ที่เรามักจะพบ ปฏิเสธยังไงดี? ...
หากปราศจากการแสดงออกด้วยความรัก หลักการปฏิเสธแบบไหนก็ไร้ผล!
[นาทีที่ 22.48]
ในสถานการณ์ยากๆ ที่เราจำเป็นต้องเลือกที่จะปฏิเสธ มีหลักการ 3 ส. ที่จะช่วยเราได้ คือ แสดงความขอบคุณ แสดงความเสียใจ และเสนอให้ทางออก แต่หลักการเหล่านี้จะไม่มีประโยชน์อะไรเลยหากท่าทีในการแสดงออกของเรานั้นปราศจากการกระทำด้วยความรัก (สามารถคลิกเพื่อฟัง วิธีการพูดด้วยความรักที่เราเคยพูดกันไปแล้วใน EP.1 ที่นี่ >>> “พูดตรงๆ ยังไงไม่ให้พัง” )
เราสามารถพึ่งพาสติปัญญาและความช่วยเหลือจากพระเจ้าได้
[นาทีที่ 24.19]
“การปฏิเสธควรตั้งอยู่บนความถูกต้องมากกว่าความถูกใจ”
การสร้างความสัมพันธ์สนิทสนมกับพระเจ้าจะช่วยเราได้ในสถานการณ์ที่ยากแก่การตัดสินใจ เมื่อเรารู้ว่าอะไรที่พระเจ้าเห็นว่าดี เราจะได้ตัดสินใจและรู้ว่าตอนไหนที่ต้องปฏิเสธอย่างถูกต้อง ถ้าเรื่องไหนที่เรายังไม่แน่ใจ หรือว่าเรื่องนั้นซับซ้อนเกินไปที่จะตัดสินใจในทันทีทันใด ให้เราเอาเรื่องนั้นมาอธิษฐานต่อพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงเปิดโอกาสให้เรา ทูลต่อพระองค์ในทุกๆ เรื่อง (ฟิลิปปี 4:6)
“บางครั้งเราอาจต้องขอพระเจ้ามอบคำพูดให้กับเราว่าเราควรจะปฏิเสธอย่างไร ขอพระองค์ดูแลทั้งจิตใจของเราและคนที่เราต้องพูดปฏิเสธ”
เพราะในชีวิตจริงคนเราไม่สามารถทำตามความต้องการของผู้อื่นตลอดเวลาได้เราจึงต้องเรียนรู้ที่จะปฏิเสธให้เป็น (เอาใจเขามาใส่ใจเรา)
_______________________________
ฟังแล้วลองฝึกกัน ลองถามตัวเองดูว่า...
● ทุกวันนี้เราปฏิเสธแบบรักษาน้ำใจ มากน้อยแค่ไหน?
● และถ้าเราจะปฏิเสธให้ดีขึ้น จะเริ่มต้นจากอะไรก่อน?
_______________________________
ขอขอบคุณที่ปรึกษาด้านเนื้อหา :
อ. เจนจิต เลิศมาลีวงศ์ อาจารย์ประจำหมวดวิชาพระคัมภีร์ใหม่ โรงเรียนคริสต์ศาสนศาสตร์แบ๊บติสต์ สวนพลู (TBTS)
*อ้างอิงหลักการบางส่วนจาก: หนังสือวิธีชนะมิตรและจูงใจคน (How to Win Friends and Influence People) ผู้เขียน เดล คาร์เนกี (Dale Carnegie) สำนักพิมพ์ แสงดาว
Create your
podcast in
minutes
It is Free